Review : Life is Beautiful ความหวังมันช่างอัศจรรย์



"หนังที่จะทำให้คุณมีความหวังอีกครั้ง"

    กุยโด ชายผู้ร่าเริงและมองโลกในแง่ดี และตกหลุมรักกับดอร่า ครูสาวของลูกผู้มีอันจะกิน ลงเอยด้วยการมีลูกชายตัวน้อยชื่อ โจชัว ชีวิตครอบครัวอบอุ่นอย่างปกติสุข จนกระทั่งกุยโด โจชัว และลุงของเขาได้ถูกทหารควบคุมตัวไปยังค่ายกักกัน เพราะทั้งสามคนเป็นยิว
     
     หนังทำออกมาได้สนุกผ่านตัวตนของกุยโดที่มองโลกในแง่ดีและงดงาม แฝงด้วยความฉลาดในตัว เช่น การถาม-ตอบปัญหาเชาน์ การแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ การพูดกลบเกลื่อนโจชัวขณะที่อยู่ในค่าย ซึ่งเขาพูดว่า"มันเป็นเพียงแค่การเล่นเกม หากชนะเกนนี้ไปได้ รางวัลคือรถถัง" ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่โจชัวเชื่อและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ได้ชัยชนะ(แม้จะหลุดปากเพียงครั้งเดียว) แต่สำหรับกุยโดคือเพื่อรักษาชีวิตของโจชัวไว้ให้ได้

     แม้ว่าบางช่วงหนังสื่อให้เห็นถึงความโหดร้าของสงคราม และการล้างเผ่าพันธุ์ แต่คงเพราะเรื่องนี้มีตัวละครอย่างกุยโดที่ปัญหาแม้จะร้ายแรงปานใด รอยยิ้มและความหวังบนใบหน้าของก็ไม่เคยจางหายไป เช่นเดียวกับดอร่า ที่แม้ไม่ได้ถูกเกณฑ์มา แต่เธอสมัครใจที่จะชึ้นขบวนมา เพื่อไม่ให้ห่างจากครอบครัวอันเป็นที่รัก แม้นว่าจะถูกแยกระหว่างชายหญิงก็ตาม แต่กุญโดยังส่งผ่านความรักและความห่วงใยถึงเธอตลอดเวลา เช่นฉากที่กุยโดและโจชัวแอบใช้เครื่องขยายเสียงของทหารประกาศบอกดอร่า รวมทั้งเปิดเพลงเพื่อให้เสียงส่งผ่านถึงเธอ

      อีกประเด็นที่น่าสนใจคือการโกหกของกุยโดที่พูดกับโจชัว ที่หลอกว่าการถูกจับตัวมาคือการเล่นเกม ทหารคือผู้คุมเกม การมีชีวิตรอดคือคะแนน และคะแนนคือการนำไปสู่ชัยชนะ เพื่อไม่ให้โจชัวรู้ความจริงเกี่ยวกับกระการทำในค่ายแห่งนี้ แท้จริงแล้ว การกระทำของกุยโดนั้นถูกต้องหรือไม่ การปกปิดความจริงเท่ากับการหลอกตัวเองอย่างนั้นหรือ? จะดีกว่าหรือไม่หากให้โจชัวผู้บริสุทธิ์รับรู้ถึงความโหดร้ายของสงคราม เผด็จการ และชาติพันธุ์ แต่ในทางตรงกันข้าม คำโกหกของกุยโดนั้น คือคำพูดที่แฝงด้วยความหวัง ลองวิเคราะห์สถานการณ์
      
     กุยโด โกหก โจชัว คิดว่าเป็นกาเล่นเกม การดำเนินชีวิต ปกติ ร่าเริง
      กุยโด ม่โกหก โจชัว รับรู้ความจริง การดำเนินชีวิต หวาดกลัว สิ้นหวัง 

แล้วคุ้มค่าหรือไม่กับการโกหกครั้งนี้ 

    อีกส่วนของความงดงามของหนังเรื่องนี้คือช่วงที่กุยโดกับดอร่ารู้จักและสานสัมพันธ์กัน ยิ่งเวลาในหนังผ่านไปนานเท่าใด ยิ่งทำให้เราหลงรักกุยโดมากขึ้นเท่านั้น และโจชัวเองก็เล่นได้น่ารักสดใสสมับเป็นบุตรชายของผู้ไม่เคยไร้ความหวัง

     ฉากสุดจิ๊ด  เป็นฉากที่กุยโดกับโจชัวแอบใช้เครื่องขยายเสียงประกาศถึงดอร่าผู้เป็น "นางฟ้า"ของกุยโด ที่ทำให้เรารู้สึกว่าเขาห่วงใยกันตลอดเวลา และไม่หวาดหวั่นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

      ตัวละครสุดจิ๊ด  หนีไม่พ้นกุยโด ที่ไม่เคยสิ้นหวัง ใบหน้าที่ร่าเริงตลอดเวลา แม้จะมีบ่นๆบ้าง นั่นทำให้หนังเรื่องนี้เป็นสิ่งที่สวยงาม แม้จะเกิดขึ้นในสถานที่ที่โหดร้าย

     สุดท้าย"เราชนะแล้ว"คือคำพูดของโจชัวกับแม่ของเขา หลังจากเยอรมันได้แพ้สงคราม และทั้งสองสามารถรอดมาได้ แม้สิ่งที่พวกเขาสูญเสียคือกุยโด แต่สิ่งที่ทั้งสองได้รับคือการมีชีวิตอยู่จากการเสียสละของชายชื่อกุยโด และความหวังของเขาจะสถิตย์อยู่ตลอดไป 
     คุ้มค่ากับการเติมพลังแห่งความหวังกับหนังเรื่องนี้ และเชื่อเถิดว่า "หากสงครามคือตัวแทนของความโหดร้าย Life is Beautiful ก็คือตัวแทนของความหวัง"


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น